14. ตลาดธุรกิจฟิตเน็ส-เว็ลเน็ส ตอนที่ 15

ขณะที่ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (Elderly) จำนวมากขึ้น วัยที่เปลี่ยนไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น ย่อมนำมาซึ่งความเสื่อม (Aging) ของร่างกาย การดูแลป้องกัน (Prevention) ไม่ให้เกิดโรคจึงมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัสโควิด-19 ผู้คนทุกประเทศทั่วโลกต่างค้นหาวิธีการดูแลและป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรค

อุตสาหกรรมสุขภาวะสมบูรณ์ หรือ เว็ลเน็ส (Wellness industry) จึงกำเนิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการให้บริการ กล่าวคือบริการที่ดูแลสุขภาพจากภายในและภายนอก สถาบันเว็ลเน็สระดับโลก (Global Wellness Institute: GWI) รายงานว่า ในปี พ.ศ. 2562 เศรษฐกิจเว็ลเน็สของทั้งโลก (Global wellness economy) มูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 154 ล้านล้านบาท)

ในปี พ.ศ. 2563 เศรษฐกิจเว็ลเน็สของทั้งโลก เติบโตโดยมีมูลค่าอยู่ที่ 4.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 171.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health tourism) 4.36 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15.3 ล้านล้านบาท) และธุรกิจสปา 6.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ หรือราว 2.38 ล้านล้านบาท) จากมูลค่ารวมของทั้งตลาด

ปี พ.ศ. 2568 GWI คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพของทั้งโลก จะมีมูลค่าถึง 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 245 ล้านล้านบาท) และยังคาดการณ์ด้วยว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ถึง พ.ศ. 2568 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะเติบโตเฉลี่ยที่อัตรา 20.9% ส่วนธุรกิจสปาจะมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่อัตรา 17.2%

ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม W9 Wellness Center เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเว็ลเน็ส (Well-ness industry) มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น เพราะเป็นการดูแลสุขภาพของคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็ก, วัยรุ่น (Adolescent), วัยทำงาน, ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยเป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่ป่วย (Well people) หรือมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย

เว็ลเน็ส ครอบคลุมเศรษฐกิจต่างๆ อีกหลายภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยวสุขภาพ, เวชศาสตร์ป้องกัน, สปาการชะลอวัย (Anti-aging), การออกกำลังกายและจิตใจ (Physical and mental activity), การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ (Nutrition), การลดน้ำหนัก (Weight loss), การดูแลส่วนบุคคล (Self-care), ความงาม (Aesthetics), รวมทั้งการแพทย์แผนดั้งเดิม (Traditional) และการแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ (Real estate) เพื่อสุขภาพ

จุดอ่อนในการดูแลสุขภาพของคนไทย คือ การตรวจสุขภาพ (Physical check-up) ซึ่งคนไทยมีตรวจสุขภาพประจำปีกันน้อยมาก ถ้าไม่มีโรค หรือสงสัยว่าตัวเองเป็นโรค หลายคนไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปีเลย ดังนั้น หากจะให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นควรจะมีการส่งเสริมให้ให้ดูแลสุขภาพเว็ลเน็ส ซึ่งมีหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเริ่มได้ด้วยตนเอง

การตรวจสุขภาพ จะได้ข้อมูลเชิงลึก (In-depth) ของแต่ละบุคคล ที่นำมาใช้ในการดูแลป้องกันโรคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง (High-risk group), ผู้สูงอายุ, และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (Chronic) ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าร่างกายมีความเสื่อม (Deterioration) มากน้อยขนาดไหน มีโรคอะไรบ้างที่ต้องดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือรักษาให้หาย เพราะการรักษาโรคที่ดีมิใช่เพียงกินยา (Medication) แต่ต้องปรับวิถีใช้ชีวิต (Life-style) เพื่อให้มีคุณภาพ (Quality) ชีวิตที่ดีขึ้น

แหล่งข้อมูล -

  1. https://globalwellnessinstitute.org/geography-of-wellness/wellness-in-thailand/ [2023, September 20].
  2. https://www.w9alternatives.com/?gclid=CjwKCAjw5_GmBhBIEiwA5QSMxPSpnlrFquyMC1u09r9T1XQ5wWazvDYfTHVzWe30anzUDT72ZnEokRoC86QQAvD_BwE [2023, September 20].